It’s a BRIT Nice Actually! ‘Café Wolseley’ (คาเฟ่ โวลส์ลีย์) บินลัดฟ้ามาอยู่ไทยยาวถึงสิ้นปี
By LTpops / 07 Aug 2023
กรุงเทพมหานคร คือจุดหมายในฝันของคาเฟระดับครีมของมหานครใหญ่ต่าง ๆ ในโลกที่ต้องการมาปักหมุดในเมืองหลวงแห่งนี้ และ Café Wolseley จากลอนดอน คือแบรนด์คาเฟ่ล่าสุดที่มาเยือนเมืองไทยพร้อมเมนูเด่นที่ครองใจนักชิมมาช้านาน
ประวัติศาสตร์การเดินทางของกลุ่มธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม ‘The Wolseley’ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะโลเคชั่นของร้าน The Wolseley ต้นตำรับที่เริ่มต้นจากโชว์รูมรถยนต์เมื่อปี 1921 ณ ตึก 160 Piccadilly ใจกลางกรุงลอนดอน ก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงจนตึกนั้นถูกผันให้เป็นสาขาหนึ่งของธนาคารบาร์เคลย์ ก่อนที่ในปี 2003 จะกลายเป็นบ้านแห่งแรกของ The Wolseley ที่เป็นที่รู้จักในฐานะ Grande Café แห่งแรกของลอนดอน และโด่งดังในหมู่ลอนดอนเนอร์ที่มักมาใช้เวลาที่นี่ท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่, เมนูสไตล์คาเฟ่ที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน และบริการชั้นยอด ซึ่งนั่นไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่ม The Wolseley จึงประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังมากมาย อาทิ The Delaunay, Brasserie Zedel และ Colbert
‘Café Wolseley’ (คาเฟ่ โวลส์ลีย์) ร้านอาหารสไตล์บริทิชจากอังกฤษ บินข้ามโลกมาเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ จากเดิมทีจะเป็นเพียงร้าน Pop Up ระยะสั้น แต่ด้วยความนิยมอย่างล้นหลามทำให้ยืดระยะเวลาไปจนถึงสิ้นปี 2023 เพื่อจำลองทุกอย่างที่เป็น Signature ของ Café Wolseley ที่อังกฤษไว้ให้ได้ครบถ้วน ทั้งบรรยากาศแบบคลาสสิกสไตล์ยุโรปได้รับการรังสรรค์ไว้ได้อย่างน่าทึ่งด้วยการใช้โทนสีดำ ขาว เรียบหรู สะท้อนความเงาวับของโคมไฟ และอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร ที่เรียบหรูหมดจด แต่ลายเซ็นของ Café Wolseley จะไม่คอมพลีตหากขาดเชฟ David Stevens (เดวิด สตีเฟนส์) Executive Chef ผู้คิดค้นเมนูให้กับ The Wolseley และ Café Wolseley ในประเทศอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งการจะสร้างคาเฟ่แห่งนี้ให้สมบูรณ์แบบ เชฟเดวิดได้บินมาเตรียมงาน เลือกสรรวัตุดิบ และเทรนทีมเพื่อปรุงอาหารทุกเมนูให้ได้รสชาติใกล้เคียงกับต้นตำรับที่ประเทศอังกฤษให้ได้มากที่สุด
ทุกรายละเอียดคือสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ และดีเทลนี้ที่ต้องพูดถึงคือ ‘เนย’ และขนมปังที่นำมาเสิร์ฟก่อนจานเรียกน้ำย่อยจะมาถึง เนยที่ดีหมายถึงสิ่งที่การันตีได้ว่าอาหารที่กำลังจะมาเสิร์ฟนั้นสามารถคาดหวังได้ในระดับใด และเนยที่เสิร์ฟที่นี่คือเนยที่ใช้ที่ลอนดอนเช่นกัน และนั่นทำให้ตั้งความคาดหวังอย่างเต็มที่ เมนู Starter ที่เป็นดาวเด่นและให้รสชาติแบบบริทิชแท้ ๆ คือ Dressed Dorset Crab เนื้อปูจากดอร์เซท ให้ความรู้สึกสดชื่นด้วยมายองเนสที่ทำจากปูสีน้ำตาล และเลมอน กินคู่กับขนมปังบริออชอุ่น ๆ นุ่ม ๆ หอมเนย ส่วน Escargots a la Bourguignonne au Pastis เมนูหอยทากเป็นเมนูที่หาที่ทำให้อร่อยได้ยาก แต่ส่วนผสมของเนยชั้นดีที่เคล้ากับกระเทียมและพาร์สลีย์ และเหล้า Pernod ช่วยชูรสชาติของหอยทากได้อย่างดี
อาหารจานหลักมีให้เลือกมากมาย รวมทั้งเมนูไข่ต่าง ๆ ให้สมกับความเป็น All Day Breakfast ที่กินได้ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของวัน เมนู ‘Souffle Suisse’ ซูเฟล่ชีสนุ่ม ๆ หอมซอสพาร์เมซาน แกมความกรุบของเห็ด และหอมกลิ่นไชฟส์ (Chives - ต้นหอมฝรั่ง) ช่วยโหมโรงให้จานหลักอีกจานอย่าง ‘The Wolseley’s Coq au Vin’ เมนูซิกเนเจอร์ที่นำอกไก่มาหมักไวน์แดงถึง 5 วัน เสิร์ฟพร้อมแพนเชตต้าช่วยเพิ่มรสสัมผัส และซอสไวน์แดงให้รสชาติเข้มข้นและเชื่อมวัตุดิบอื่นในจานอย่างหอมลูกเล็ก และเห็ดกระดุมเอาไว้ด้วยกัน แต่จานที่ต้องกลับมาซ้ำอีกครั้งให้ได้ ต้องยกให้ ‘Char-grilled Rib-eye Steak, Frites’ สเต็กริบอายที่ปรุงมาอย่างไม่มีที่ติ ด้วยความที่เป็นวากิว ความนุ่มคือมาตรฐาน เนื้อมีรสชาติดีจนไม่ต้องพึ่งซอสแบร์เนสที่เสิร์ฟมาในจานเลย
การเดินทางสไตล์บริทิชดำเนินมาถึงของหวาน แม้จะผ่าน Starter และ Main Course มาอย่างสวยงาม แต่โชว์นี้จะยิ่งคอมพลีทด้วย ‘Café Wolseley Classic Pancake’ แพนเค้กที่จัดเรียงเป็นชั้นสวย พร้อมกับผลไม้สดทั้งสตรอว์เบอร์รี, ราสเบอร์รี และบลูเบอร์รีอย่างจุใจ เพื่อความอร่อยในหนึ่งคำต้องตักให้ได้ครบทั้งครีมสด, ผลไม้สด และน้ำเชื่อมเมเปิลหอม ๆ และ ‘Coupe Liegeois’ ไอศกรีมวานิลลา และช็อคโกแลต พร้อมท็อปด้วยครีมสด แถมซอสช็อคโกแลตอุ่น ๆ ไว้ราดตัดความหวาน และเพิ่มมิติให้กับไอศกรีมถ้วยนี้
...และปิดการเดินทางแบบบริท ๆ มื้อนี้ได้อย่างอิ่มหัวใจ
Café Wolseley Bangkok โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
สอบถามรายละเอียด และสำรองที่นั่ง โทร.0-2431-9497